SEO สำหรับการ ขายของออนไลน์

Share : facebook line twitter fb-messenger

บทความ SEO สำหรับการ ขายของออนไลน์

บทความ www.seolnwza.com



ถ้าหากพูดถึง SEO คนส่วนใหญ่มักจะคิดกันถึงเรื่องการ เขียน บทความ หรือการให้ข้อมูลคนเยอะๆ แล้ว เว็บไซต์ ( Website ) เราจะจัด อันดับ ได้ดีแต่คนที่ทำ ธุรกิจ บางครั้งเราอาจจะไม่อยากทำ บทความ แต่เราอยากจะเน้น ขายของออนไลน์ โดยตรง แล้วมันต้องทำยังไง มาดูกัน

seo-for-selling-online

วิธีทำ SEO หรือ Search Engine Optimization สำหรับการ ขายของออนไลน์

1.   คำ ค้นหา ที่สามารถทำเงินได้

หากเราอยากจะทำให้หน้า เว็บไซต์ ( Website ) ของเราไปอยู่ต่อหน้า ลูกค้า เราก็ต้องไปอยู่ต่อหน้า ลูกค้า ให้ถูกที่ถูกเวลา ตัวอย่างเช่น หากเราอยากจะขายเสื้อผ้า เราก็คงไม่อยากจะเสียเวลาไป เขียนบทความ เกี่ยวกับเรื่องของการทำอาหารคลีน เพราะว่าคนที่อยากจะอ่านเรื่องอาหารคลีน ก็คงไม่ได้อยากจะซื้อเสื้อผ้า ซึ่งในส่วนนี้แปลว่าเราต้อง ตั้งเป้าหมาย ให้ถูก ว่าคำ ค้นหา แบบไหนที่เราอยากจะจัด อันดับ ให้ได้ ซึ่งภาษาการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ที่เรียนว่า Buyer Intent Keyword หรือ คำ ค้นหา ที่มีแนวโน้มที่จะซื้อ อย่างเช่น หากเราจะซื้อเสื้อผ้า เราก็อาจจะพิมพ์คำเหล่านี้ลงไปใน Google ( กูเกิล ) เช่น ซื้อเสื้อผ้า ร้านเสื้อผ้า เสื้อผ้าร้านใกล้ตัว หรือเสื้อผ้าสำหรับเด็ก เป็นต้น และนอกจากนี้เราก็ยังสามารถ เอาคำอื่นมารวมกันได้ เช่น เสื้อผ้า บวกกับคำว่า ลดราคา ชื่อแบรนด์ ต่าง ๆ ราคาถูก คุณภาพดี มือหนึ่ง คุ้มค่าคุ้มราคา ไม่แพง

ให้เริ่มจากคำ คีย์เวิร์ด ( Keyword ) พอเราเริ่มขายแล้วมี ลูกค้า ทักเข้ามาบ้าง ก็ลองสังเกตคำศัพท์ ของ ลูกค้า ดูว่า ลูกค้า ชอบใช้คำไหนเป็นพิเศษ ส่วนมากคำนั้นก็คือคำที่เขาจะใช้ ค้นหา ใน SEO ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะแนะนำว่าให้หาคำ ค้นหา ที่มีคน ค้นหา เยอะ ๆ เช่นแบบเดือนละหลายพันครั้ง แต่ซึ่งจริง ๆ แล้วในเรื่องของการ ขายของออนไลน์ คำ ค้นหา บางคำคนอาจจะ ค้นหา กันได้ไม่เยอะแต่ก็สร้างเงินให้กับเราได้เยอะมาก

2.   Competitive Research การวิเคราะห์คู่แข่ง

ในส่วนนี้หากเราไปถามคนทำ SEO คนอื่น ๆ เขาก็อาจจะบอกว่า ให้เอาคำพวกนี้ไปลอง ค้นหา ใน Google ( กูเกิล ) ดูก่อน เพราะคำ ค้นหา ไหนที่มี คู่แข่ง เยอะดูจัด อันดับ ยาก เราก็ไม่ต้องทำ เราเน้นที่คน ค้นหา ที่จัด อันดับ ง่าย ๆ คู่แข่ง น้อย ๆ แทน เพราะบางคนที่มีงบน้อยก็อาจจะสามารถใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อวัดจำนวน ค้นหา ได้ อย่าง Search Volume หากอยากใช้ก็ใช้ได้ แต่ถ้าไม่อยากลงเงินก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าในความคิดของเรา เนื่องจากว่าทุกอย่างเป็นการเพิ่มโอกาสให้ตัวเอง ต่อให้มี คู่แข่ง เยอะเราก็ทำอยู่ดี และยิ่งไปกว่านั้นคือทุกคำ ค้นหา ในหัวข้อใหญ่ ๆ เราก็จะมีหน้า เว็บไซต์ ( Website ) หรือ ( Page ) ที่ทำออกมาเพื่อให้จัด อันดับ คำ ค้นหา โดยเฉพาะ เช่น เราอาจจะมีเสื้อตัวเดียว แต่ว่าอยากจะให้เสื้อตัวนี้จัด อันดับ ทั้งเสื้อผ้าเด็ก และเสื้อผ้าราคาถูก ในส่วนนี้เราก็ควรจะมีทั้งสองหน้า ที่ถึงแม้ว่าจะ ขายสินค้า ตัวเดียวกัน แต่แค่แต่ละหน้าจะถูกออกแบบมาให้จัด อันดับ คำ ค้นหา แต่ละคำอย่างเฉพาะ

3.   Optimization

ในส่วนนี้เป็นคำแนะนำ SEO ทั่ว ๆ ไป

  • Title คือชื่อหน้า เว็บไซต์ ( Website ) ( Page Title ) และชื่อที่จะขึ้นเวลาจัด อันดับ ใน Google ( กูเกิล ) ชื่อหน้าควรจะเป็นชื่อที่อธิบาย สินค้า เราให้เหมาะสมกับคำ ค้นหา อย่างแท้จริง
  • Header คือ ชื่อหัวข้อ แต่ละอย่างในหน้าของเรา ที่จะรวมไปถึงคุณสมบัติต่าง ๆ และวิธีการใช้ ข้อมูล อื่น และคำถามที่ควรถามประจำ และแน่นอนว่าต้องมีคำ ค้นหา เราอยู่ในชื่อ Header ของเราด้วย
  • Image เป็นส่วนที่มี 2 อย่าง ภาพใส่ได้แต่อย่าให้ขนาดไฟล์ใหญ่จนเกินไป หรือห้ามเกิน 100 KB เพราะคนจะโหลดในมือถือช้า ซึ่งจะทำให้เราจัด อันดับ ได้ยาก และนอกจากนี้อย่าลืม Image Tag ที่ต้องมีคำ ค้นหา ของเราเช่นเดียวกัน

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

ทำ SEO ให้ติดหน้าแรกอย่างไร สำหรับ มือใหม่

ความรู้ดี ๆ เกี่ยวกับ SEO สำหรับมือใหม่

 

 

Created : 08/09/2022

บทความที่น่าสนใจ

Huawei ชี้แจง...กรณี Google ลงดาบทางการค้า

Youtube กับช่องทางการทำเงิน


phone line chat_facebook