SEO กับเทคนิคการตลาด ที่นักธุรกิจออนไลน์ต้องรู้

Share : facebook line twitter fb-messenger

บทความ SEO กับเทคนิคการตลาด ที่นักธุรกิจออนไลน์ต้องรู้

บทความ www.seolnwza.com



สำหรับในโลกออนไลน์แบบนี้ จำเป็นอย่างมากมาย กับการทำ SEO วันนี้ มาดูเกี่ยวกับ เทคนิคการตลาด ที่นักธุรกิจออนไลน์ต้องรู้ อัปเดตล่าสุดเพื่อคุณทุกคนแล้วในบทความนี้

 

 

 

 

สำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องทำ SEO ?

นั่นเพราะ โดยส่วนใหญ่นั้น การเข้าชมเว็บไซต์ก็มักจะเริ่มมาจากการค้นหาผ่านแพลตฟอร์ม Search Engine ต่าง ๆ ในปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีใครเข้าเว็บไซต์โดยตรง ถึงแม้ว่าปัจจุบัน Social Media จะสามารถดึงคนเข้าสู่เว็บไซต์ได้เช่นกัน แต่ทว่า Search Engine ก็ยังเป็นช่องทางหลักสำหรับเว็บไซต์ โดยการเสิร์ชนั้น สำคัญอย่างมาก ก็เพราะ เครื่องมือค้นหาเหล่านี้ ได้สามารถมอบการเข้าถึงที่เฉพาะกลุ่ม เข้าใจง่าย ๆ ก็คือคนที่เข้าเว็บไซต์คุณได้ จากการค้นหานั้น เขาจะต้องมีความสนใจอย่างมาก ที่จะค้นหาข้อมูลหรือซื้อสินค้า หรือในการบริการอยู่ก่อนแล้ว ถึงค้นหาคำต่าง ๆ แล้วจึงคลิกสู่เว็บไซต์ของคุณได้ แตกต่างจากการทำโฆษณา ที่คนต่าง ๆ อาจจะเข้ามาเพียงเพราะพวกเขาเป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราตั้งเอาไว้

 

ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเครื่องมือค้นหาเหล่านี้ ไม่สามารถค้นหาเว็บไซต์ หรือว่า แม้แต่เก็บข้อมูลหน้าเว็บของคุณเข้า ฐานข้อมูลได้ รับรองว่าคุณก็จะต้องพลาดโอกาสดี ๆ ในการที่คนทั่วโลกจะเข้าถึงเว็บไซต์ของคุณ และคงไม่ต้องถามถึงการทำธุรกิจเลยว่าจะเป็นอย่างไร.. .

 

หากคุณพร้อมแล้ว เริ่มทำ SEO แล้ว จะต้องทำอย่างไรบ้าง ?

โดยส่วนมากบริษัทต่าง ๆ ก็จะจ้างเอเจนซี่การตลาดโดยตรง มาดูแลเรื่อง SEO ให้เป็นปกติ แต่ประเด็นที่เราอยากให้เจ้าของกิจการ ได้ทำความเข้าใจกับขั้นตอนต่างๆ นั้น เพื่อที่คุณจะได้ช่วยให้คุณทำงานกับเหล่าเอเจนซี่ที่คุณว่าจ้างได้ง่ายยิ่งขึ้น ส่วนใครที่กำลังศึกษาการทำ SEO หรือต้องการทำ SEO ด้วยตัวเองขั้นตอนเหล่านี้ นั่นคือสิ่งที่คุณต้องนำไปใช้

 

1. ทำแผนการตลาดสำหรับการทำ SEO ทั้งหมด

การทำแผนการตลาดล่วงหน้าจะช่วยให้คุณคุมงบประมาณได้ โดยขั้นตอนนี้คุณก็อาจจะต้องทำไปพร้อม ๆ กับทีมเอเจนซี่ที่คุณว่าจ้าง เพื่อให้พวกเขาเสนอแนวทางและการใช้งบในส่วนต่างๆ ว่าจะลงเงินในส่วนของการทำ SEO เท่าไร และส่วนของค่าบริการเท่าไร ระยะเวลากี่เดือน แล้วต้องมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เสริมเติมหรือไม่ ซึ่งเรื่องเหล่านี้หากคุณไม่วางแผนล่วงหน้าอาจทำให้งบบานปลายได้และควรคุยกับคนที่คุณว่าจ้างให้ชัดเจนถึงสิ่งที่คุณจะได้ เช่น จะมีรายงานผลการทำ SEO ทุกๆ เดือนหรือไม่ เปลี่ยน Keyword ได้จำนวนกี่ครั้ง ใครจะเป็นคนกำหนด Keyword เป็นต้น

 

2.ค้นหา คีย์เวิร์ด ( Keyword ) ที่คุณต้องการให้เว็บไซต์คุณติดอันดับหรือนำมาทำ SEO

หากคุณเป็นธุรกิจใหม่ ๆ ที่ยังไม่มีข้อมูลใดๆ ทั้งนั้นเลย ก็สามารถเริ่มทำได้ด้วยการค้นหา Keyword เป็นอันดับแรก ซึ่งหากอยากลองค้นหาด้วยตัวเอง ซึ่งก็จะมีเครื่องมือช่วยค้นหาต่างๆ ดังนี้ แต่ถ้าหากต้องการใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพ ก็อาจจะต้องจ่ายค่าบริการในบางแพลตฟอร์ม แต่หลักๆ แล้ว Keyword ที่ Optimise ควรมี Search Volume หรือมีปริมาณการเสิร์ชทุกๆเดือน และมีความสัมพันธ์กับธุรกิจของคุณ

 

● Uber Suggest

วิธีการก็คือให้คุณพิมพ์ Keyword ที่พอจะนึกเองได้ แต่ต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรือสินค้าที่ตนเองทำ เมื่อคุณได้ Keyword มาแล้วก็ลองดูที่ Search Volume ว่าคำไหนเป็นที่นิยมบ้างแล้วจึงลองเลือกมาสัก 3-5 คำ ก่อนก็ได้ จากนั้นค่อย ๆ เอาคำเหล่านั้นที่เลือกไปปรึกษากับคนทำ SEO เพื่อเข้าสู่กระบวนการในลำดับต่อไป

 

● Ahrefs

อีกหนึ่งเครื่องมือเลย สำหรับตรวจสอบ Keyword ที่เอเจนซี่นิยมใช้กัน โดยความสามารถของเครื่องมือนี้คุณสามารถตรวจสอบได้ว่ามีเว็บไซต์ไหนบ้างที่ลิงก์มาหาเว็บเป้าหมายที่เราตั้งใจจะส่งลิงก์ไปมั้ย ทำให้เราสามารถดูสถานการณ์ของคู่แข่งแล้วนำมาปรับกลยุทธ์ SEO ของเราว่าควรทำ Backlink จากที่ไหนก่อนหรือหลัง อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบ Backlink ของเราและคู่แข่งได้ ดูว่าอันไหนที่ไม่เหมือนกันบ้างทำให้เราไม่ต้องไปเสียเวลาสร้าง Backlink ซ้ำ

 

● Google Keyword Planner

เป็นเครื่องมือที่ทาง Google ออกแบบมาเพื่อให้คุณค้นหา Keyword ทั้งยังสามารถตรวจสอบได้ถึงค่าต่างๆ ว่าแต่ละคำนั้นมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร จุดประสงค์หลักของเครื่องมือนี้คือเอาไว้ช่วยให้คนทำ Google Ads สามารถวางแผนโฆษณาของตัวเองได้ดีขึ้นแต่ก็สามารถนำมาปรับใช้สำหรับงานทางด้าน SEO เพื่อดูสถิติของแต่ละ keyword ได้เช่นกัน

 

3.ปรับแต่งเว็บไซต์

ถ้าเกิดว่าคุณยังไม่มีเว็บไซต์มาก่อน ก็ถือว่าได้เปรียบเพราะสามารถสร้างเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับสิ่งที่ Google กำหนดไว้สำหรับการทำ SEO ได้ตั้งแต่เริ่มต้น ไม่ต้องมาแก้กันให้วุ่นวาย แต่ถ้าคุณมีเว็บไซต์เก่าอยู่แล้วและไม่ได้อัปเดตเลยเป็นเวลาหลายปี ถึงเวลาที่คุณจะต้องปรับเว็บไซต์ให้สนับสนุนการทำ SEO แล้ว

 

สำหรับเว็บไซต์ที่จะได้คะแนนจาก Google จะต้องเป็นหน้าเว็บที่มี Content ที่แฝงไปด้วย Keyword ในตำแหน่งต่างๆ กระจายอยู่ทั่วทุกหน้าของเว็บไซต์