บทความ กลยุทธ์ที่ใช้ทำ Digital Marketing

ในปัจจุบันหลายคนหันมาทำ Digital Marketing กันมากขึ้น เพราะลักษณะการทำงานในปัจจุบันนั้นเปลี่ยนไป ทำให้การทำงานต้องเปลี่ยนตาม จึงต้องหันมาปรับตัว เพื่อให้เข้ากับการแข่งขันในยุค 4.0 แบบนี้

กลยุทธ์ที่ใช้ทำ Digital Marketing

1. ต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน

หากคุณไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน จะทำให้คุณไม่สามารถจัดสรรทรัพยากรของคุณได้เหมาะสมและเพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมาย ซึ่งจะทำให้คุณเสียเงินและเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์

ดังนั้น การตั้งเป้าหมายในด้าน Digital Marketing ส่วนใหญ่จะแบ่งตามขั้นการเดินทางของลูกค้า หรือ Customer Journey คือ การตั้งเป้าหมายที่ทำให้คุณรู้ว่าธุรกิจต้องการขยับความสัมพันธ์ของลูกค้าขึ้นมาในระดับไหน มีเป้าหมายที่ต้องการให้ลูกค้ารับรู้การมีตัวตนของบริษัท หรือ ต้องการให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อ

ขั้นตอนของ Customer Journey มีดังนี้

- Aware รับรู้การมีตัวตนของแบรนด์

- Engage เริ่มคุ้นเคยและมีส่วนร่วมกับแบรนด์

- Subscribe ยอมให้ข้อมูลส่วนตัวกับแบรนด์

- Convert ตัดสินใจซื้อ

- Excite ประทับใจหลังการซื้อสินค้า

- Ascend ซื้อซ้ำ หรือ ซื้อเพิ่ม

- Advocate บอกต่อ

- Promote โปรโมท

2. ต้องรู้จักกลุ่มลูกค้า

ถ้าคุณไม่ศึกษากลุ่มลูกค้า คุณจะไม่มีทางรู้ความต้องการที่แท้จริงของพวกเขาได้ ซึ่งการรู้จักลูกค้าถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะทำให้คุณได้เปรียบในเรื่องการตลาด เข้าใจลูกค้า คู่แข่ง และข้อเสนอที่จะมีให้ลูกค้า

วิธีที่จะทำให้คุณเข้าใจลูกค้า มีดังนี้

- Customer Personas การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย หรือ ลูกค้าแบบละเอียด

- Customer Journey ลำดับขั้นการเดินทางของลูกค้าตั้งแต่เริ่มต้น จนซื้อสินค้า

- Digital Touch Point วิเคราะห์จุด หรือ ช่องทางต่างๆ ที่ผู้บริโภคได้สัมผัส หรือใช้งานในแต่ละวัน

3. ต้องพร้อมรับมือคู่แข่ง

หากคุณไม่มีการวาง Digital Strategy หรือ ไม่ใช้เวลากับการวางแผน จะทำให้คู่แข่งที่มีการใช้ Digital Strategy ดึงส่วนแบ่งทางการตลาดไปได้ และทำให้ลูกค้าหาคุณไม่เจอ จนกระทั่งลืมแบรนด์ของคุณไปอย่างรวดเร็ว

4. ผลิตบทความให้ถูกใจลูกค้า

Content marketing จะเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจให้บรรลุเป้าหมายได้ เพราะ Content คือ ประตูด่านแรกที่ผู้ใช้งานบนโลกออนไลน์พบเจอ แต่หากบทความของคุณไม่ตอบโจทย์ลูกค้า เพราะไม่มีการวางแผนที่ดี ไม่มีกลยุทธ์ที่เหมาะสม จะทำให้กลุ่มเป้าหรือลูกค้ารู้สึกเสียเวลาเปล่า

5. ต้องมีทีมงานที่มีทักษะด้าน Digital Marketing

หลังจากที่คุณได้ทุ่มเทให้กับการวางแผนและดำเนินการด้าน Digital Marketing แล้ว แต่หากขาดผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน จะทำให้ยากที่จะต่อกรกับคู่แข่งในตลาด รวมถึงการตั้งรับกับสถานการณ์การแข่งขันทางการตลาดที่จะเกิดขึ้นได้

6. ต้องได้ข้อมูลลูกค้าที่มีคุณภาพ

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ที่ดี จะทำให้ได้ข้อมูลที่ธุรกิจจะนำมาวิเคราะห์ ต่อยอด เพื่อพัฒนาต่อเป็นข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งข้อมูลที่มีประสิทธิภาพจะช่วยธุรกิจของคุณสามารถทำการตลาดต่อในอนาคตได้อย่างเฉียบขาด เมื่อคุณลงทุนทำการตลาดกับกลุ่มเป้าหมายนี้อีกครั้ง ไม่ว่าจะด้วยช่องทาง Search Marketing, Email Marketing หรือ Social Media Marketing จึงมีโอกาสสร้างยอดขายได้มากกว่า

มาดูเครื่องมือกันสักหน่อย เผื่อได้ใช้กับธุรกิจของคุณ

1. เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ Paid Search (SEM) หรือ การจ่ายเงินทำโฆษณา

เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์ Paid Search (SEM) หรือ การจ่ายเงินทำโฆษณา เป็นการทำให้คุณรู้ว่าคู่แข่งของคุณ หรือ แบรนด์อะไร ที่กำลังลงโฆษณาบนเว็บ Search Engines ซึ่งจะทำให้คุณนำข้อมูลเหล่านั้นมาพัฒนาให้ดีกว่าคู่แข่งได้

2. เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์โฆษณาประเภท Display advertising หรือ การโฆษณาด้วยแบนเนอร์

เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์โฆษณาประเภท Display advertising หรือ การโฆษณาด้วยแบนเนอร์ เป็นการทำให้คุณรู้ว่าแบรนด์ใดบ้างที่กำลังแสดงโฆษณาประเภทรูปภาพ (Display) ซึ่งจะทำให้คุณนำข้อมูลเหล่านั้นมาพัฒนาให้ดีกว่าคู่แข่งได้

3. เครื่องมือวิเคราะห์สำหรับการลงโฆษณาบน Facebook

เครื่องมือวิเคราะห์สำหรับการลงโฆษณาบน Facebook เป็นการทำให้คุณรู้ว่าแบรนด์ใดได้ลงโฆษณาบน Facebook บ้าง ซึ่งคุณจะสามารถดึงข้อมูลได้ทั้งหมดและนำมาวิเคราะห์และพัฒนาสื่อโฆษณาบน Facebook ให้ดีขึ้นกว่าคู่แข่ง

และนี่คือ กลยุทธ์ที่ใช้ทำ Digital Marketing และเครื่องมือที่ควรรู้จักไว้ รู้กันแบบนี้แล้ว ลองนำไปปรับใช้กันดู เพื่อให้ธุรกิจของคุณอยู่รอด และอยู่เหนือคู่แข่ง หากสนใจทำ Digital Marketing เรา seolnwza มีบริการอย่างครบวงจร

อ่านบทความเพิ่มเติมที่น่าสนใจ

แรงบันดาลใจในการทำตลาดออนไลน์

การทำตลาดออนไลน์ให้ทันยุคปัจจุบัน