Bounce Rate สูง ไม่ดีจริงเหรอ?

Share : facebook line twitter fb-messenger

บทความ Bounce Rate สูง ไม่ดีจริงเหรอ?

บทความ www.seolnwza.com



Bounce Rate หรือ อัตราการตีกลับ เป็นปัญหาของคนทำเว็บไซต์ เนื่องจากคนเข้ามาชมเว็บไซต์เพียงหน้าเดียวแล้วกดออกจากเว็บไซต์ไปเลย ไม่ได้เปิดหน้าอื่นต่อและไม่ได้ทำอะไรเลย เราจะทำอย่างไรกับปัญหาเหล่านี้ดี

 

     เว็บไซต์ที่มี Bounce Rate สูง ไม่ได้แปลว่าเว็บไซต์นั้นไม่มีคุณภาพ และเว็บไซต์ที่มี Bounce Rate ต่ำก็ไม่ได้หมายความว่า เว็บไซต์นั้นมีคุณภาพดี เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วถ้า Bounce Rate สูง บางทีผู้เข้าชมเว็บไซต์อาจเข้ามาเพื่อทำการค้นหาบางสิ่งแต่ไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ อาจจะไม่ชอบเนื้อหาในเว็บไซต์ หรือเว็บไซต์ไม่ตรงกับความต้องการ จึงทำให้กดปิดและออกจากเว็บไซต์ไป หรืออาจจะเข้าไปอ่านเนื้อหาจนได้คำตอบ ได้สิ่งที่อยากรู้แล้ว จึงไม่ต้องการเปิดหน้าเพจอื่นๆ เพื่ออ่านต่อ ดังนั้น การปิดเว็บไซต์จึงไม่ได้หมายความว่า เว็บไซต์ของคุณมีคุณภาพที่แย่เสมอไปค่ะ ดังนั้น การที่ Bounce Rate น้อยเป็นเรื่องที่ดี และไม่ควรปล่อยให้สูงจนเกินไป

 

สิ่งที่ควรปรับปรุงเพื่อให้ค่า Bounce Rate ลดลง มีดังนี้

1. ทำ Landing Page ให้ชัด

     เนื้อหาในโฆษณากับ Landing Page ต้องมีความสัมพันธ์กัน เพื่อเวลาที่ผู้ใช้งานเข้ามาเว็บคุณแล้วรู้สึกอยากจะกดเข้าไปดูหน้าอื่นๆ ต่อ เพื่อสร้างความรู้สึกต่อเนื่องจากการกดเข้ามาจากแบนเนอร์ โดยการลด Bounce Rate จะต้องทำ Landing Page ให้ชัดเจน  (ทำความรู้จักกับ Sale Page/Landing Page)

 

2. เว็บไซต์ใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน

     การลด Bounce Rate จะต้องออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก ไม่ซับซ้อน เพราะการทำเช่นนี้จะทำให้ผู้เข้าใช้งานอยู่ในเว็บนานขึ้น เข้าถึงเนื้อหาต่างๆ ได้มากขึ้น

 

3. เว็บไซต์ต้องโหลดเร็ว

     การที่เว็บโหลดการใช้งานได้รวดเร็ว จะช่วยลด Bounce Rate และยังช่วยดึงคนอ่านไว้ได้ ไม่ว่าจะเข้ามาดูรูปภาพหรืออ่านคอนเทนต์ต่างๆ กดปุ๊บขึ้นปั๊บทันใจ จะทำให้คนอยู่เว็บได้นาน แต่เมื่อไรก็ตามที่โหลดช้าแล้วล่ะก็ ผู้ใช้งานจะกดปิดเว็บอย่างรวดเร็ว

 

4. ใช้ Internal Linkings ให้เป็น

     การใช้ Internal Linkings ให้เป็น จะช่วยลด Bounce Rate ได้ ซึ่งจะต้องดูว่าควรจะวางลิงก์แบบไหน ตรงไหน ที่จะทำให้ผู้เข้าใช้งานอยากกดเข้าไปหน้าอื่นๆ ในเว็บ

 

5. ให้เว็บไซต์รองรับ Mobile Friendly

     การทำเว็บไซต์ ควรให้รองรับการแสดงผลบนมือถือ หรือ ทำเว็บไซต์แบบ Responsive จะช่วยลด Bounce Rate ลงได้ โดยเป็นการเน้นบริการเปิดเข้าใช้งานผ่านทางมือถือเพื่อให้แสดงผลได้ดี และโหลดไวที่สุด

 

6. หน้าเว็บต้องมีการอัปเดตอยู่เสมอ

     หากเข้ามาหน้าเว็บไซต์ แล้วเงียบเป็นป่าช้า ไม่ได้อัปเดตมานาน จะทำให้ผู้เข้าใช้มองว่าคุณปล่อยทิ้งร้าง หรือเว็บนี้ปิดไปแล้ว ดังนั้น ควรอัปเดตหน้าเว็บไซต์อยู่เสมอ เช่น มีบทความใหม่ๆ อาทิตย์ละ 2 บทความก็ยังดีค่ะ  

 

7. ห้ามโฆษณาเยอะจนเกินไป

     การที่มีโฆษณาเด้งขึ้นมาในหน้าหลัก ( Popup Ads ) ก็น่ารำคาญเต็มทีแล้ว หากยังหาปุ่มกดปิดยากๆ หรือชอบมีการเพิ่มหน้าใหม่ (Tab) มาด้วย แน่นอนว่าผู้เข้าใช้จะกดออกทันที ดังนั้นควรมีโฆษณาแต่พอควร เพื่อเป็นการลด Bounce Rate

 

     เชื่อว่าคนที่ได้อ่านบทความนี้ ได้รู้จักและเข้าใจเรื่อง Bounce Rate มากขึ้นอย่างแน่ๆ คราวนี้ถ้า Bounce rate สูง ก็ไม่ต้องตกใจไป ใช้วิธีปรับปรุงเพื่อให้ค่า Bounce Rate ลดลงตามที่เราได้บอกไป จะช่วยพัฒนาเว็บให้น่าใช้งานขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มคะแนน SEO ให้กับเว็บอีกด้วย ระวังอย่าให้ Bounce Rate สูงมากจนเกินไปนะคะ

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก medium

Created : 16/10/2019

บทความที่น่าสนใจ

DA PA เกี่ยวข้องอย่างไร กับ การทำ SEO

Digital Marketing สำคัญอย่างไร


phone line chat_facebook