หลายๆท่านอาจเคยเจอปัญหาเกี่ยวกับการเขียน Copy หรือการเขียนเกี่ยวกับสินค้าของแบรนด์อย่างไร หรือไม่รู้จะเริ่มเขียนอย่างไรดี คิดไม่ออกจะเขียนยังไง เขียน Copy แล้วขายของไม่ได้ เขียนแล้วไม่ดึงดูดผู้อ่าน
วันนี้เรามีบทความให้ความรู้เกี่ยวกับ 6 ขั้นตอนการเขียน Copy สำหรับการขาย สำหรับใครที่เคยเจอปัญหาเหมือนที่กล่าวมาข้างต้น หรือยังไม่มีสูตรการเขียน Copy บทความนี้จะช่วยคุณรู้ว่าขั้นตอนของการเขียน Copy เพื่อขายสินค้านั้นต้องเขียนอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ
1.เริ่มต้นด้วยผลประโยชน์หรือจุดแข็งของสินค้า
ในการทำการตลาดการเขียนคำอธิบายหรือที่หลายๆคนเรียกว่า การเขียน Copy เรามักจะเขียนคุณลักษณะ ฟีเจอร์ต่างๆของสินค้า ซึ่งข้อความเหล่านี้มีหน้าที่เพียงบอกไปยังผู้อ่านว่าสินค้าบริการของแบรนด์มีลักษณะเป็นอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง แต่สิ่งสำคัญที่ผลกระตุ้นให้ผู้อ่านขยับกลายเป็นผู้สนใจและมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าบริการของเรา อยู่ที่การบอกผู้อ่านได้ว่าประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับจากสินค้าบริการของเราคืออะไร จะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นอย่างไร ซึ่งหมายความว่าคุณจะต้องแสดงให้กลุ่มเป้าหมายเห็นว่าสินค้าของคุณเป็นประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างไร สิ่งนี้จะเป็นเครื่องเตือนให้คุณมุ่งเน้นไปที่เหตุผล ผลประโยชน์ที่พวกเขาควรซื้อมากกว่าการบอกคุณสมบัติของสินค้า
2. ขยายประโยชน์ให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น
ในขั้นตอนที่สองเราจะนำผลประโยชน์สิ่งที่ผู้อ่านจะได้นั้น มาขยายให้เห็นภาพมากขึ้น และทำให้พวกเขารู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเพิกเฉยได้ โดยการเปลี่ยนมุมมองของผู้อ่านให้เห็นความสำคัญมากยิ่งขึ้น อธิบายถึง ข้อดี จุดเด่น ว่าสินค้าบริการของคุณจะช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้น สะดวก ประหยัดเงิน ประหยัดเวลา อย่างไร
3. การแสดงหลักฐานยืนยัน
กลุ่มเป้าหมายของคุณจะให้ความสนใจกับข้อความที่มีสถิติ การรับรองจากลูกค้า หรือการรีวิวนั้นเองค่ะ ซึ่งพวกเขาให้ความสนใจและเวลาในการอ่านโฆษณา หรือคำอธิบายที่มาจากธุรกิจของเรา แต่พวกเขาก็ไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เราบอกฝ่ายเดียวว่า สินค้าของเราดี สินค้าของเราทันสมัยกว่า แต่พวกเขาต้องหลักฐานยืนยันด้วยว่า สินค้าบริการของคุณดีกว่าอย่างไร ซึ่งยิ่งในยุคของโลกออนไลน์แล้วผู้บริโภคมักมีความสงสัยและต้องการข้อมูลหลักฐาน ดังนั้นคุณควรมอบความน่าเชื่อถือให้กับพวกเขา
4. บอกถึงสิ่งที่พวกเขาต้องสูญเสีย
ผู้คนมักมีแรงผลักดันที่จะหลีกเลี่ยงความเจ็บปวด ความรู้สึกไม่สบาย มากกว่าที่พวกเขาจะได้รับความเพลิดเพลิน ซึ่งเป็นกฎของธรรมชาติที่สามารถเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้ดี จึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณจะต้องบอกกลุ่มเป้าหมายของคุณใน Copy ว่าพวกเขาจะต้องสูญเสียอะไรบ้างหากมองข้ามสินค้าบริการของคุณ เพราะเป็นการกระตุ้นให้ลูกค้าลงมือตัดสินใจไม่เช่นนั้นพวกเขาอาจสูญเสียอะไรบางอย่าง
5. สรุปผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุด
เมื่อคุณได้แสดงให้พวกเขาเห็นถึงความเจ็บปวดแล้ว ในขั้นตอนนี้คุณเตือนพวกเขาว่าไม่จำเป็นต้องเจอสถานการณ์เหล่านั้นที่พวกเขาอ่านไป โดยการสรุปประโยชน์ที่ยอดเยี่ยม ที่พวกเขาจะได้รับตั้งแต่แรกเพื่อบอกให้กลุ่มเป้าหมายรู้ว่าทำไมถึงต้องกระตุ้น เพราะว่าเราหวังดีและไม่อยากให้ลูกค้าของเราต้องเจอกับสถานการณ์ที่เลวร้ายเหล่านั้น นี้เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณที่จะบอกถึงคุณค่าของสินค้าบริการของแบรนด์ซึ่งจะนำไปสู่ผู้อ่าน และเป็นโอกาสที่จะขยับจากผู้ที่ให้ความสนใจกลายเป็นลูกค้าในที่สุด
6. จบท้ายด้วย Call-to-action
หากคุณไม่ได้ขอให้ผู้อ่านดำเนินการบางอย่างหรือต้องทำอะไรต่อในตอนท้ายของ ก็เหมือนกับคุณไม่ได้เขียนข้อความใดๆมาก่อน ต่อให้คุณเขียนได้น่าสนใจมากแค่ไหนแต่ตอนท้ายไม่มีขั้นตอนถัดไปที่ชัดเจนว่าให้พวกเขา สอบถามข้อมูล ลงทะเบียน ฯลฯ การเขียนครั้งนี้อาจไม่ได้ผลใดๆ ดังนั้นให้เขียน Call to action ที่เข้าใจง่ายและตรงไปตรงมา อย่าทำให้ผู้อ่านต้องคิดเยอะหรือทำความเข้าใจนาน
ขอขอบคุณข้อมูลจาก stepstraining
Severity: Core Warning
Message: PHP Startup: Unable to load dynamic library 'i360.so' (tried: /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so (libhs_runtime.so.5: cannot open shared object file: No such file or directory), /usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so (/usr/local/php74/lib/php/extensions/no-debug-non-zts-20190902/i360.so.so: cannot open shared object file: No such file or directory))
Filename: Unknown
Line Number: 0
Backtrace: